MY CALENDAR 51011411102

วันพฤหัสบดีที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2553

อดนอนดู 'บอลโลก' ระวังอันตราย!?



ช่วงนี้กระแสฟุตบอลโลกฟีเวอร์ คอบอลหลายคน เฝ้าหน้าจอเชียร์ทีมโปรดไม่ห่าง ไม่ว่าจะดึกดื่นสักแค่ไหน ทำให้ต้องอดหลับอดนอนในบางคู่ที่แข่งขันกันดึก ๆ ด้วยเหตุนี้จึงมีคำแนะนำในการดูแลสุขภาพมา ฝากกัน นพ.กฤษดา ศิรามพุช ผอ.สถาบันเวชศาสตร์อายุร วัฒน์นานาชาติ กล่าวว่า ปกติชั่วโมงในการนอนไม่สำคัญเท่ากับการนอนให้หลับลึก โดยทั่วไปจะแบ่งกลุ่มคนนอนให้อิ่มเป็น 2 กลุ่ม คือ นอนน้อยและอิ่มอย่างน้อย 4 ชม. ขึ้นไป ส่วนอีกกลุ่มนอนไม่ค่อยอิ่ม กลุ่มนี้อาจจะต้องนอน 6-8 ชม. เป็นอย่างต่ำ ข้อสำคัญคือนอนแล้วจะต้องหลับลึก หมายความว่า ตื่นขึ้นมาจำไม่ได้ว่าเราฝันอะไร ช่วงนาทีทองที่ควรเข้านอนคือ 4 ทุ่ม ตื่น 6 โมงเช้า อาจนอนดึก ได้แต่ไม่ควรเกินเที่ยงคืน เพราะว่าโกรธฮอร์โมนจะหลั่งตอนเที่ยงคืน ที่สำคัญเวลาในการนอนอย่าให้ห่างกันมาก ยกตัวอย่างเช่น วันนี้นอนเที่ยงคืน แต่พอวันถัดไปนอนตี 2 ตี 3 เพราะบางทีสมองจะงง และไม่หลั่งโกรธฮอร์โมนออกมา ในกรณีที่อดนอน นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ผลที่จะตามมา คือ 1.การหลับใน 2.ความดันโลหิตพุ่งได้ โดยเฉพาะคนที่มีความดันโลหิตสูงอยู่แล้ว ช่วงเช้าจะยิ่งน่ากลัวเพราะหัวใจอาจวาย หรือเส้นเลือดในสมองอาจแตกได้ 3.ทำให้อ้วน คนนอนน้อยจะทำให้อ้วนได้ เพราะร่างกายจะหลั่งธาตุที่เก็บไขมันออกมา ชื่อว่า คอติซอล 4.จะทำให้มีสนิมแก่ หรืออนุมูลอิสระออกมาเยอะ ผิวหมอง หน้าคล้ำ ตาช้ำเหมือนหมีแพนด้า 5. น้ำตาลขึ้น 6.กระตุ้นไมเกรน ชวนให้ปวดหัว ทำให้หงุดหงิดง่ายขึ้น 6.หิวเร็วขึ้น อาหารที่ไม่ควรรับประทานตอนดึก ๆ ระหว่างเชียร์บอล คือ ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ควรจะเปลี่ยนเป็นน้ำเต้าหู้แทน เพราะจะได้สารเปปไทด์ ซึ่งจะช่วยในเรื่องของสมอง ส่วนของขบเคี้ยวก็ควรเป็นถั่วต่าง ๆ เพราะจะมีกลุ่มวิตามินอีช่วยเรื่องสมองเช่นกัน แต่มีข้อแม้ว่าอย่าโรยเกลือ เพราะจะยิ่งทำให้ร่างกายขาดน้ำและยิ่งอักเสบ อยากให้แนะนำอาหารที่ควรรับประทานหลังจากตื่นนอนเพื่อให้เกิดความสดชื่น? นพ.กฤษดา กล่าวว่า ควรรับประทานอาหารจำพวกนมวัวจะช่วยกระตุ้นสมอง หรือรับประทานอาหารจำพวกไก่ หรือไข่ เช่น ไข่ตุ๋น หรือซุปไก่ เพราะจะมีซิสเทอีน ช่วยกระตุ้นสมอง หรือจะรับประทานธัญพืชช่วยสร้างสารสื่อประสาทในสมอง เช่น กระยาสารท งาดำ เป็นต้น ส่วนอาหารต้องห้ามหลังอดนอนมาเยอะ ๆ ที่ไม่ควรรับประทาน ได้แก่ อาหารร้อน ๆ อาหารทอด มัน ๆ เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบได้ง่าย เนื่องจากเวลากลางคืนจะเป็นเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมการอักเสบ ถ้าอดนอนตื่นมาจะทำให้เจ็บคอ ร้อนใน เป็นสิวมากขึ้น เพราะเกิดการอักเสบที่ไม่ได้ถูกซ่อมตอนกลางคืน ดังนั้นไม่ควรกินอาหารที่ทำให้ร้อนขึ้นเพราะจะยิ่งทำให้เกิดการอักเสบ นอกจากนี้ไม่ควรดื่มกาแฟ เพราะจะไปบีบหัวใจทำให้หัวใจทำงานหนัก ถ้ารู้ว่าคืนนี้จะมีบอลคู่โปรดต้องอยู่ดึกให้ดื่มน้ำตามเยอะ ๆ จะช่วยไม่ทำให้เกิดการอักเสบได้ง่าย ด้าน นพ.จุลินทร์ โอภานุรักษ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินปัสสาวะ กล่าวว่า หาก อดนอน 1-2 คืน จะทำให้การ ทำงานของร่างกายและสมองเสียสมดุลไป อาการที่ชัดเจน คือ จะมีอาการเหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ปวดและเวียนศีรษะระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ ท้องผูก มักจะมีอารมณ์ไม่ดี ฉุนเฉียวง่าย สำหรับผู้อดนอนเป็นเวลานาน ๆ หลายชั่วโมงและหลายวัน อาจจะทำให้ประ สิทธิภาพการจดจำลดลง ทำให้มีโอกาสเจ็บป่วยได้ง่าย ๆ ภูมิต้านทานลดลง มีโอกาสเป็นโรคมะเร็งบางอย่างสูงขึ้น ทำให้อ้วนขึ้น มีผลต่อการทำงานของสมอง ทำให้เชื่องช้า และตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้ไม่ดีเท่าที่ควร การตัดสินใจอย่างฉับพลันมีโอกาสผิดพลาดสูง และโอกาสเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด เป็น 2 เท่าของบุคคลที่นอนเพียงพอ สำหรับการปฏิบัติตัวไม่ให้สุขภาพโทรม คือ 1.ต้องวางแผนการนอนให้ดี ให้มีช่วงหลับติดต่อกันได้นานถึง 4 ชั่วโมง 2.แม้นอนดึก ก็ควรตื่นเช้าเช่นเดิม หลายคนเข้าใจว่านอนดึก ตื่นสายเป็นสิ่งที่ดี เพราะถือเป็นการชดเชยกัน แท้ที่จริงแล้วส่งผลเสียต่อร่างกาย เพราะความสมดุลของนาฬิกาในร่างกายได้เปลี่ยนแปลงไป หากทำเช่นนั้นแล้วอาจก่อให้เกิดภาวะเซื่องซึม สมองล้า ดังนั้น ควรตั้งเวลาตื่นที่แน่นอน แม้จะนอนดึก อดนอน ก็ควรตื่นในเวลาเดิม 3.ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีวิตามินบี และ ซีสูง เพื่อเป็นการชดเชยส่วนที่หายไป อาหารที่แนะนำคือ ข้าวกล้อง ผักหรือผลไม้สด ๆ น้ำส้มคั้นสด ๆ แต่ถ้าหาได้ลำบากเป็นวิตามินสำเร็จรูป เช่น วิตามินบีรวม วันละ 1-2 เม็ด และวิตามินซี วันละ 1,000 มก. โดยวิตามินบีและซี จะช่วยทำให้สมองลดความเครียดได้ ท้ายนี้ในการชมฟุตบอลโลกอย่างสนุกและสุขภาพดี อย่าหักโหมดูบอลจนเสียงาน เสียเงิน เสียแฟนและเสียสุขภาพ อาจจะเลือกดูให้เหมาะสมกับการทำงานของเรา หรือเลือกดูคู่ที่เป็นไฮไลต์เท่านั้น ถ้าอยากดูจริง ๆ อัดเทปไว้ก็ได้ แล้วค่อยมาดูช่วงกลางวันหรือตอนเย็น.










อ้างอิงจาก:




วันอาทิตย์ ที่ 13 มิถุนายน 2553

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น